ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดนเปิดตัวชุดบทความเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลเปิด หรือ Open-Source Intelligence (OSINT) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ บทความแรกนี้อธิบายวิธีการใช้ OSINT เพื่อวิเคราะห์และดึงข้อมูลจากภาพออนไลน์
เทคนิคการใช้ OSINT มีไว้เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อประกอบการสืบค้นข้อเท็จจริงและการสืบสวน โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลภายในหรือข้อมูลลับ
บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การดึงข้อมูลจากภาพที่เผยแพร่ออนไลน์ โดยใช้ข้อมูลเมทาดาตา (Metadata) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกฝังอยู่ในไฟล์ภาพดิจิทัลและบันทึกประวัติของภาพเหล่านั้น
ข้อมูลเมทาดาตาสามารถเปิดเผยรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับภาพถ่ายหนึ่ง ๆ ได้
- วันและเวลาที่ถ่ายภาพครั้งแรก
 - วันและเวลาที่แก้ไขภาพล่าสุด
 - พิกัด GPS ของสถานที่ที่ถ่ายภาพ
 - ชื่อเจ้าของอุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็บหรือแก้ไขภาพ
 - ชื่อไฟล์ต้นฉบับของภาพ
 - รุ่นของกล้องที่ใช้ถ่าย
 - การตั้งค่ากล้อง เช่น ระยะโฟกัส ประเภทเลนส์ ค่ารูรับแสง และค่าการใช้แฟลช
 
ปริมาณของข้อมูลเมทาดาตาจะแตกต่างกันไปตามแต่ละไฟล์ภาพ
ไฟล์ JPG ซึ่งเป็นหนึ่งในไฟล์รูปภาพที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในวงการการถ่ายภาพดิจิทัล มักจะมีข้อมูลเมทาดาตาจำนวนมาก ขณะที่ไฟล์ประเภทอื่น เช่น BMP หรือ PNG อาจมีข้อมูลน้อยกว่า นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์บางชนิด เช่น Photoshop สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลเมทาดาตาของไฟล์ภาพเดิมเมื่อมีการส่งออกไฟล์ และผู้ให้บริการบางราย เช่น Facebook จะลบข้อมูลเมทาดาตาส่วนใหญ่ทิ้งเมื่อมีการอัปโหลดภาพขึ้นแพลตฟอร์ม
การดึงข้อมูลเมทาดาตาสามารถทำได้ง่ายด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม
ข้อมูลเมทาดาตาที่มากับภาพถ่ายดิจิทัลเรียกว่า ข้อมูล Exif (Exchangeable Image File Format) วิธีที่ง่ายที่สุดในการดูข้อมูล Exif คือการใช้เครื่องมืออ่าน Exif ออนไลน์ เช่น Exifinfo ซึ่งนักข่าวสามารถอัปโหลดภาพโดยตรงหรือใส่ลิงก์ URL ของภาพเพื่อดูข้อมูล
เครื่องมืออ่าน Exif ออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดีในการวิเคราะห์ภาพที่เผยแพร่ต่อสาธารณะบนอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม เครื่องมือดังกล่าวอาจจัดเก็บภาพที่ถูกอัปโหลดนั้นในเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สาม ดังนั้น หากเป็นภาพที่มีความอ่อนไหว นักข่าวสามารถใช้โปรแกรม Exiftool ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์สเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลเมทาดาตาแบบออฟไลน์บนอุปกรณ์ส่วนตัวได้อย่างปลอดภัย
ข้อมูลเมทาดาตาสามารถใช้เพื่อตรวจจับภาพที่สร้างด้วย AI และการดัดแปลงภาพได้
การวิเคราะห์ข้อมูล Exif สามารถใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของภาพได้ โดยภาพที่สร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) มักจะไม่มีข้อมูลเมทาดาตาบางประเภท เช่น การตั้งค่ากล้อง นอกจากนี้ เครื่องมือสร้างภาพด้วย AI บางประเภท เช่น DALL·E, Midjourney และ Generative Fill ยังฝังลายเซ็นดิจิทัลของตนเองไว้ในเมทาดาตาของภาพด้วย นักข่าวสามารถใช้เครื่องมือตรวจจับภาพที่สร้างด้วย AI ออนไลน์ เช่น Is It AI เพื่อช่วยยืนยันว่าภาพนั้นเป็นของจริงหรือถูกสร้างขึ้นด้วย AI
นอกจากนี้ นักข่าวยังสามารถตรวจสอบการดัดแปลงภาพถ่ายออนไลน์ได้ด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ชั้นข้อผิดพลาด (Error-Layer Analysis) หรือ การวิเคราะห์สัญญาณรบกวน (Noise Analysis) ซึ่งแม้จะต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิคบ้าง แต่ปัจจุบันมีเครื่องมือโอเพนซอร์ส เช่น FotoForensics หรือ Forensically ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถจับผิดลักษณะของการแก้ไขภาพ การใช้ฟิลเตอร์ และอ่านข้อมูลเมทาดาตาได้อย่างสะดวก
ซ้าย: ภาพตัวอย่าง ขวา: ภาพที่วิเคราะห์ด้วยโปรแกรม Forensically โดยใช้ตัวกรองแบบ Error Layer แสดงให้เห็นความไม่สม่ำเสมอของแสงในภาพ
คำแนะนำด้านความปลอดภัยสำหรับนักข่าวเกี่ยวกับข้อมูลเมทาดาตาของภาพถ่าย
เครื่องมือ OSINT ออนไลน์บางประเภท เช่น โปรแกรมอ่าน Exif อาจจัดเก็บภาพที่ถูกอัปโหลดไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สาม ซึ่งอาจไม่ปลอดภัย ดังนั้น หากนักข่าวต้องการดึงข้อมูลจากภาพที่มีความอ่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นภาพจากแหล่งข่าวหรือจากโฟลเดอร์ส่วนตัว ควรใช้โปรแกรมแบบออฟไลน์บนเดสก์ท็อป เช่น Exiftool ซึ่งรองรับไฟล์และข้อมูลเมทาดาตาหลากหลายรูปแบบ
นอกจากนี้ ผู้ไม่หวังดีอาจใช้เทคนิค OSINT กับภาพออนไลน์เพื่อสร้างความเสียหายต่อนักข่าวหรือนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เช่น การค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลจากข้อมูล Exif เพื่อนำไปเปิดเผย (Doxxing) นักข่าวสามารถปกป้องตนเองและแหล่งข่าวได้โดยการแก้ไขข้อมูลเมทาดาตาของภาพก่อนเผยแพร่ต่อสาธารณะ โปรแกรม ExifCleaner เป็นแอปพลิเคชันแบบออฟไลน์ที่ปลอดภัยที่สามารถลบข้อมูลเมทาดาตาออกจากไฟล์ภาพ วิดีโอ และ PDF ได้อย่างมีประสิทธิภาพ