การเรียนรู้วิธีรับมือกับสถานการณ์สงครามเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักข่าวที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงต่อความขัดแย้ง บทความนี้ ผู้สื่อข่าวไร้พรมแดน ร่วมกับองค์กร Watchout จากไต้หวัน จะนำเสนอแนวทางสำหรับนักข่าวในการปฏิบัติตนเมื่อเผชิญการโจมตีทางทหาร
ในหลายประเทศ ผู้คนต้องใช้ชีวิตภายใต้ภัยคุกคามจากการโจมตีทางทหารจากประเทศเพื่อนบ้านมานานหลายปี หรือแม้กระทั่งหลายทศวรรษ แม้การรุกรานทางทหารในวงกว้างจะไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย แต่สำหรับนักข่าวที่รายงานข่าวในพื้นที่เหล่านี้ การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเป็นสิ่งจำเป็น เพราะ “ความพร้อม” คือกุญแจสำคัญในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน
โดยปรกติแล้ว ก่อนที่จะเกิดการรุกรานเต็มรูปแบบ มักจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้าหลายประการ เช่น การเผยแพร่ข้อมูลเท็จ การโจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สำคัญ การปิดล้อมทางเศรษฐกิจหรือการคมนาคม การทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หรือการลอบสังหารผู้นำทางการเมือง
เมื่อการโจมตีทางทหารเริ่มต้นขึ้น ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมากจะถูกระดมเพื่อรับมือกับการรุกรานและปกป้องโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นของประเทศ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดบริการสาธารณะล้มเหลวและความวุ่นวายในสังคม เพื่อปกป้องตนเอง ครอบครัว และชุมชน นักข่าวสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่แนะนำไว้ดังต่อไปนี้
1- รับข้อมูลข่าวสารและเฝ้าระวังอยู่เสมอ
- ติดตามข่าวสารและคำแนะนำจากหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิด เครื่องรับวิทยุแบบไร้สายอาจเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญเมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ตหรือไฟฟ้าใช้
- ระวังข้อมูลเท็จ และอย่าดำเนินการใด ๆ จากข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน
- ดูแลความปลอดภัยของตนเองและที่อยู่อาศัย โดยป้องกันบ้านจากการปล้นสะดมและสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในบริเวณโดยรอบ
2- อยู่รวมกันเป็นกลุ่มอย่างปลอดภัย
- ปฏิบัติตามกฎหมายและคำแนะนำจากรัฐบาลหรือผู้นำชุมชนอย่างเคร่งครัด
- รวบรวมคนรู้จักในชุมชนเดียวกันเพื่อช่วยกันรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย
- หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับที่มีลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหาร เพราะอาจทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้เข้าร่วมการสู้รบ
3- เตรียมพร้อมสำหรับการอพยพ
เมื่อสถานการณ์การสู้รบดำเนินต่อไป อาจเกิดเหตุการณ์หลากหลายรูปแบบ นักข่าวอาจพบเห็นฝ่ายศัตรูในพื้นที่ชุมชนของตนเอง หรือจำเป็นต้องละทิ้งที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย
หากนักข่าวพบเห็นฝ่ายศัตรูหรือหน่วยติดอาวุธที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ ควรปฏิบัติดังนี้
- รักษาระยะห่างและหลีกเลี่ยงการติดต่อหรือเผชิญหน้าโดยตรง
- ถ่ายภาพหรือวิดีโอเฉพาะเมื่อสามารถทำได้โดยปลอดภัย และไม่ควรเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อเก็บหลักฐาน เพราะแม้การบันทึกอาชญากรรมสงครามจะมีความสำคัญ ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ
หากนักข่าวต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายศัตรูหรือถูกตรวจ ควรปฏิบัติดังนี้
- หลีกเลี่ยงการแสดงพฤติกรรมที่อาจถูกมองว่าเป็นการยั่วยุ เช่น การโต้เถียง การแสดงท่าทีท้าทาย หรือการจ้องมองเป็นเวลานาน
- แสดงมือให้อีกฝ่ายเห็นและเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว หรือการล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าสะพายอาจถูกตีความผิดว่าเป็นการคุกคาม
- สงบสติอารมณ์และให้ความร่วมมือ เพราะหากแสดงพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้น อาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นและนำไปสู่การถูกควบคุมตัวได้
หากนักข่าวตัดสินใจอพยพออกจากพื้นที่ ควรปฏิบัติดังนี้
- รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดก่อนออกเดินทาง เช่น พื้นที่ที่ถูกฝ่ายศัตรูยึดครอง เส้นทางไปยังจุดหมายปลายทาง เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวคนใดสามารถให้ความช่วยเหลือได้หรือไม่ และจุดพักหรือสถานีเติมเสบียงระหว่างทาง
- ซื้อแผนที่กระดาษและวางแผนจุดพักไว้ล่วงหน้า
- ตรวจสอบว่าบนเส้นทางว่ามีการปิดถนนหรือสิ่งกีดขวางหรือไม่
- ตรวจสอบว่ามีพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายศัตรูหรือจุดตรวจของฝ่ายศัตรูหรือไม่
- เดินทางในช่วงเวลากลางวัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดว่าเป็นหน่วยทหาร
- พกชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินติดตัวไปด้วย
- นำเฉพาะสิ่งของจำเป็นไป เช่น อาหารและน้ำดื่ม เพราะอาจต้องเดินเท้าเป็นเวลาหลายชั่วโมง
Watchout เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนจากไต้หวันที่มุ่งเน้นด้านการป้องกันประเทศและการเตรียมความพร้อมของพลเรือน